บอร์ด กสทช. ตีตกเงื่อนไขค่าปรับมือถือ เสียงโหวตไม่ถึงครึ่ง

30 ก.ค. 2568 - 09:36

  • พิจารณาข้อเสนอจากอนุกรรมการด้านกฎหมายให้เพิ่ม “บทลงโทษ”

  • ผลการลงมติไม่เป็นเอกฉันท์ กรรมการเห็นชอบ 3 ราย ขณะที่อีก 4 ราย งดออกเสียง

  • แจงการไม่เพิ่มบทลงโทษอาจกระทบความเชื่อมั่นของประชาชนในการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค

บอร์ด กสทช. ตีตกเงื่อนไขค่าปรับมือถือ เสียงโหวตไม่ถึงครึ่ง

ที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช. (บอร์ด กสทช.) มีวาระสำคัญในการพิจารณาข้อเสนอของอนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ซึ่งเสนอให้ปรับปรุงเงื่อนไขแนบท้ายเพิ่มเติมในประกาศ กสทช. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล ย่าน 850 MHz, 1500 MHz, 2100 MHz และ 2300 MHz หลังจากที่การประมูลคลื่นความถี่ดังกล่าวได้เสร็จสิ้นไปเมื่อ 29 มิถุนายน 2568

ข้อเสนอการเพิ่มเงื่อนไขดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะจาก สภาองค์กรของผู้บริโภค ที่เคยออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ กสทช. บรรจุ “บทลงโทษ” ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตไม่สามารถขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมประชากรในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ตามที่ระบุไว้ในเวลา 5 ปี พร้อมเสนอให้ระบุอัตราค่าปรับรายวันอย่างชัดเจน

ผลการลงมติในที่ประชุมบอร์ด กสทช. ไม่เป็นเอกฉันท์ โดยมีกรรมการเพียง 3 ราย ที่ลงคะแนนเห็นชอบให้เพิ่มเงื่อนไข ดร.พิรงรอง รามสูต, ศุภัช ศุภชลาศัย และพลอากาศโท ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ

ขณะที่กรรมการอีก 4 คน งดออกเสียง ประกอบด้วย นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช., พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร, ต่อพงศ์ เสลานนท์ และสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ เมื่อผลการลงมติไม่ถึงครึ่งของกรรมการทั้งหมด จึงไม่สามารถผ่านมติให้เพิ่มเงื่อนไขแนบท้ายได้

สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ ให้เหตุผลว่า กฎหมายเดิมเปิดช่องให้ กสทช. ดำเนินการทางปกครองหรือเพิ่มบทลงโทษได้อยู่แล้ว หากผู้ได้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตาม ขณะที่กรรมการอีกบางรายเตรียมส่งคำชี้แจงเพิ่มเติมเป็นลายลักษณ์อักษรในภายหลัง

สำหรับเงื่อนไขที่ถูกเสนอนั้น มีเนื้อหาว่า หากผู้ได้รับใบอนุญาตไม่สามารถดำเนินการให้บริการได้ครอบคลุมมากกว่า 90% ของประชากรในแต่ละตำบลภายในระยะเวลา 5 ปี จะต้องชำระ “ค่าปรับรายวัน” ในอัตรา 0.05% ของราคาประมูลสูงสุด ตลอดช่วงเวลาที่ล่าช้า ซึ่งเป็นแนวทางที่เคยใช้มาแล้วในช่วงปี 2555–2562 แต่ไม่ได้ระบุในประกาศล่าสุดปี 2568 แม้ท้ายประกาศจะเปิดทางให้คณะกรรมการสามารถเพิ่มภายหลังได้

ด้านผู้ได้รับใบอนุญาตจากการประมูล ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ได้คลื่นย่าน 2100 MHz จำนวน 3 ชุด รวมมูลค่า 14,850 ล้านบาท บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC) ได้คลื่นย่าน 2300 MHz จำนวน 7 ชุด มูลค่า 21,770 ล้านบาท และคลื่น 1500 MHz จำนวน 4 ชุด มูลค่า 4,653 ล้านบาท

ทั้งสองบริษัทได้ชำระค่าคลื่นความถี่งวดแรก 50% ไปแล้วเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา กสทช. จะมีนโยบายควบคุมอัตราค่าบริการขั้นสูง (net tariff cap) และค่าบริการเสริม (VAS) อย่างเข้มงวด แต่การตีกลับข้อเสนอเพิ่มบทลงโทษในใบอนุญาต อาจส่งผลต่อความมั่นใจของภาคประชาชนในการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคในระยะยาว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์