ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ค. ‘ขึ้นเล็กน้อย’ แต่ยังระวังเศรษฐกิจ

15 ส.ค. 2568 - 06:55

  • สนค.เผย ดัชนี CCI กรกฎาคม อยู่ที่ 48.4 ปรับขึ้นเล็กน้อย จับตาเศรษฐกิจรอบด้าน

  • ชี้ปัจจัยบวกจากมาตรการรัฐ-ส่งออก ปัจจัยลบจากหนี้ครัวเรือน-ความตึงเครียดระหว่างประเทศ

  • ภูมิภาคเชื่อมั่นสูงสุด คือ อีสาน พนักงานรัฐกลุ่มเดียวที่เชื่อมั่นเกิน 50

ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ค. ‘ขึ้นเล็กน้อย’ แต่ยังระวังเศรษฐกิจ

กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยผลสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนกรกฎาคม 2568 พบว่าอยู่ที่ระดับ 48.4 ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่าประชาชนเริ่มมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจมากขึ้นเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น

พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เผย ปัจจัยที่ช่วยให้ความเชื่อมั่นปรับตัวดีขึ้น ได้แก่
1. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง และโครงการคุณสู้เราช่วย เพื่อบรรเทาภาระหนี้สินของประชาชนและธุรกิจ
2. การส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดี ช่วยสร้างรายได้และความมั่นใจในเศรษฐกิจไทย

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังเป็นแรงกดดันต่อความเชื่อมั่น ได้แก่
• ความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีตอบโต้การนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ
• ความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา
• ภาระหนี้ครัวเรือนและธุรกิจที่ยังสูง แม้จะมีมาตรการช่วยเหลือ
• ภัยธรรมชาติ เช่น อุทกภัยในบางพื้นที่

พูนพงษ์ ยังชี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index – CCI) เป็นตัวชี้วัดความรู้สึกของประชาชนต่อเศรษฐกิจ โดยถ้าตัวเลขสูงกว่า 50 แสดงว่าผู้คนมีความมั่นใจมากพอที่จะใช้จ่ายและลงทุน แต่ถ้าต่ำกว่า 50 แสดงว่าผู้คนยังระมัดระวังการใช้เงิน เพราะกังวลต่อเศรษฐกิจ

จากการสำรวจแบ่งตามภูมิภาค พบว่า
• ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ในช่วงเชื่อมั่นที่ระดับ 53.5
• ภาคใต้ 47.9
• ภาคเหนือ 46.7
• ภาคกลาง 46.1
• กรุงเทพฯ และปริมณฑล 45.9

consumer-confidence-index-cci-july-economy-SPACEBAR-Photo01.jpg

และเมื่อจำแนกตามอาชีพ มีเพียง พนักงานรัฐ เท่านั้นที่อยู่ในช่วงเชื่อมั่น (51.4) ขณะที่อาชีพอื่น ๆ เช่น นักศึกษา เกษตรกร ผู้ประกอบการ และพนักงานเอกชน อยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น

พูนพงษ์ ระบุว่า แม้ความเชื่อมั่นปรับขึ้นเล็กน้อย แต่ประชาชนยังต้องติดตามสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศ ภาษีนำเข้าสินค้ากับสหรัฐฯ และภัยธรรมชาติ เพราะทั้งหมดอาจส่งผลต่อราคาสินค้า การจ้างงาน และรายได้ของประชาชน

เพื่อบรรเทาความกังวลและสนับสนุนเศรษฐกิจ กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินมาตรการหลายด้าน เช่น
• บริหารจัดการผลไม้ปี 2568 และส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าธงฟ้า
• ควบคุมราคาและกระจายสินค้า ในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบ
• เร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) เพื่อสร้างประโยชน์ต่อประชาชนและเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเป็นสัญญาณสำคัญที่บอกว่า ประชาชนพร้อมใช้จ่ายหรือยังระมัดระวังการใช้เงิน ซึ่งจะมีผลต่อการหมุนเวียนเงินในเศรษฐกิจโดยรวม

พูนพงษ์ฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยเป็นผลมาจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของภาครัฐ อาทิ โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งในการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวและการขยายระยะเวลาเข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยเพื่อบรรเทาภาระหนี้สินของประชาชน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคส่วนอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น พร้อมทั้งวางรากฐานสำหรับเศรษฐกิจในระยะยาวต่อไป

อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นยังส่งผลสำคัญต่อความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะท่าทีการเจรจาลดภาษีนำเข้าสินค้ากับสหรัฐฯ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาที่อาจเป็นปัจจัยสำคัญต่อความกังวลของประชาชน ทั้งในด้านความมั่นคง สังคม และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่สำคัญ

นอกจากนี้ อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือยังเป็นปัจจัยซ้ำเติมความกังวลของประชาชนในช่วงที่ผ่านมา โดยภาครัฐจะยังคงดำเนินมาตรการเพื่อตอบสนองและแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที เพื่อเป็นการบรรเทาความกังวลของประชาชนต่อไป

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์