Bitcoin พุ่งแรง! สะท้อนความเชื่อมั่นในคริปโทฯ หลังสหรัฐฯ ผ่าน 3 กฎหมายสำคัญ

18 ก.ค. 2568 - 08:36

  • 3 กฎหมายใหม่สหรัฐฯ สร้าง “ความชัดเจน” ให้คริปโทฯ เปิดทางให้ Stablecoin และ Digital Asset ถูกกำกับดูแลอย่างเป็นระบบ

  • Trump ผลักดันสหรัฐฯ เป็นศูนย์กลางคริปโทฯ โลก เปลี่ยนจากการ “ต้าน” มาเป็น “ดึงเม็ดเงิน” สู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

  • Big Players แห่ซื้อ Bitcoin มากขึ้น แต่ความเสี่ยงยังมี MicroStrategy, MetaPlanet, Circle ฯลฯ ทยอยถือ BTC เป็นทุนสำรอง

Bitcoin พุ่งแรง! สะท้อนความเชื่อมั่นในคริปโทฯ หลังสหรัฐฯ ผ่าน 3 กฎหมายสำคัญ

บิทคอยน์พุ่งแตะ $120,000 สะท้อนความเชื่อมั่นในคริปโตฯ หลังสหรัฐฯ ผ่าน 3 กฎหมายสำคัญ หนุนการยอมรับ Stablecoin – นักลงทุนสถาบันแห่เข้าซื้อ

“บิทคอยน์กลับมาแตะระดับ 120,000 ดอลลาร์อีกครั้ง จากแรงหนุนหลายด้าน ทั้งความคืบหน้าทางกฎหมายในสหรัฐฯ และแนวโน้มเฟดลดดอกเบี้ย ขณะที่ตลาดคริปโทฯ ทั่วโลกคึกคัก นักลงทุนสถาบันแห่ซื้อเพิ่ม” นิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด (Binance Thailand) กล่าวถึงแนวโน้มตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลล่าสุด

3 กฎหมายสำคัญของสหรัฐฯ หนุนภาพรวมตลาด

เมื่อเร็ว ๆ นี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติผ่าน 3 กฎหมายสำคัญด้านคริปโทเคอร์เรนซี ได้แก่

 • Digital Asset Market Structure (CLARITY) Act

 • Guiding and Establishing National Innovation for US Stablecoins (GENIUS) Act

 • Anti-CBDC Surveillance State Act

นิรันดร์มองว่า กฎหมายชุดนี้ “เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของอุตสาหกรรมคริปโทฯ ไม่เฉพาะในสหรัฐฯ แต่รวมถึงตลาดโลก” โดยเฉพาะ CLARITY Act ซึ่งช่วยสร้างความชัดเจนด้านกฎเกณฑ์ กำกับดูแลการซื้อขายและการออกสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งที่ผ่านมา “ผู้คนจำนวนมากยังลังเล เพราะไม่มั่นใจว่า Stablecoin และคริปโทฯ อยู่ภายใต้กฎหมายหรือไม่”

“เมื่อกฎหมายชัด นักลงทุนก็มั่นใจมากขึ้น เงินทุนจากทั้งบุคคลทั่วไปและสถาบันจึงเริ่มหลั่งไหลกลับเข้ามาในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอีกครั้ง”

Stablecoin คือจุดเปลี่ยนของระบบการเงินใหม่

สำหรับ GENIUS Act ที่เน้นการวางกรอบการกำกับดูแล Stablecoin นายนิรันดร์เชื่อว่า “จะทำให้ Stablecoin เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง และถูกใช้งานในระบบการเงินมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสให้ทั้งบริษัทเทคโนโลยี และบริษัทการเงินดั้งเดิม เข้ามาร่วมพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ๆ”

การลงทุนของบริษัทเอกชนดันบิทคอยน์แตะ ‘All Time High’

อีกปัจจัยสำคัญคือ การเข้าลงทุนของบริษัทเอกชน ที่เริ่มทยอยสะสมบิทคอยน์มากขึ้น ทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลก โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีอย่าง MicroStrategy และแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ใช้โมเดล “ซื้อคริปโทฯ เป็นสินทรัพย์สำรอง” ซึ่งช่วยสร้างแรงซื้อในตลาดต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม นายนิรันดร์เตือนว่า “แม้การสะสมบิทคอยน์จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว แต่หากบริษัทใดใช้ leverage หรือกู้เงินจำนวนมากเพื่อเข้าซื้อ อาจเพิ่มความเสี่ยงเชิงระบบได้ หากราคาบิทคอยน์เกิดความผันผวนในอนาคต”

Ethereum ยังมี Upside – แต่ผันผวนสูงกว่า

แม้กระแสการลงทุนหลักจะยังคงอยู่ที่บิทคอยน์ แต่ Ethereum (ETH) ก็เริ่มกลับมาได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะหลังราคาปรับขึ้นกว่า 30% ในช่วง 2–3 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายนิรันดร์ชี้ว่า

“Ethereum ยังมี Upside แต่ความผันผวนสูงกว่า เพราะโครงสร้างซัพพลายไม่จำกัดเหมือนบิทคอยน์ อีกทั้งขึ้นอยู่กับอัตราการใช้งานของแอปพลิเคชันบนเครือข่าย”

คำแนะนำสำหรับนักลงทุน: อย่าไล่ราคาตามกระแส

นิรันดร์ฝากถึงนักลงทุนว่า “หากลงทุนในช่วงที่ราคาไซต์เวย์มาแล้ว ถือว่าตัดสินใจถูกต้อง แต่ตอนนี้ราคาหลายเหรียญอยู่ในระดับ Overbought แล้ว หากจะเริ่มลงทุนตอนนี้ ต้องศึกษาข้อมูลมากขึ้น และควรกระจายความเสี่ยง ด้วยการทยอยลงทุนทีละน้อย”

ทั้งนี้ เขาเน้นว่า “คริปโทฯ เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง” จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีความเข้าใจ และสามารถรับความเสี่ยงได้ พร้อมทั้งควรติดตามนโยบายทางการเงินและการเมืองระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพราะมีผลต่อราคาโดยตรง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์