ซีอีโอ BINANCE TH เผยปี 2025 เป็นปีแห่งการเติบโตแบบก้าวกระโดด ทั้งฐานผู้ใช้ วอลลุ่ม และจำนวนเหรียญบนแพลตฟอร์ม พร้อมประกาศกลยุทธ์ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมคริปโทฯ ไทยสู่ระดับอีโคซิสเต็มครบวงจร มองตลาดบิตคอยน์มีโอกาสรีบาวน์สิ้นปีถึงต้นปี 2026 หนุนโดยสัญญาณมหภาคและแนวโน้มลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ
นิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล CFA, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BINANCE TH by Gulf Binance เปิดเผยทิศทางและผลงานสำคัญในปี 2025 โดยระบุว่าในปีที่ผ่านมา Binance TH เติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งในด้าน ฐานลูกค้า ชุมชนผู้ใช้งาน (Communities) และความเชื่อมั่นของตลาดไทย แม้จะอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายภาษีระหว่างประเทศ
“พันธกิจของเราชัดเจนเสมอ คือการทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลถูกใช้งานในวงกว้างมากขึ้น สร้างแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย และขยายอีโคซิสเต็มให้เติบโตอย่างยั่งยืน” นิรันดร์กล่าว
เติบโตพุ่ง 7.1 เท่า – ครองส่วนแบ่งดาวน์โหลด 40%
แม้จะเปิดปีด้วยความท้าทายในช่วง Soft Launch ที่ต้องเร่งปรับปรุงระบบพื้นฐาน แต่ Binance TH สามารถพลิกเกมและสร้างการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยคุณนิรันดร์ เปิดเผยว่า ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จำนวนผู้ใช้งานที่ผ่านการยืนยันตัวตน (KYC) เพิ่มขึ้นถึง 7.1 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ปริมาณการซื้อขายรวมตั้งแต่ต้นปีถึงตุลาคมก็เพิ่มขึ้น กว่า 5.5 เท่า
ด้านความนิยมของแพลตฟอร์มก็เติบโตไม่แพ้กัน โดย Binance TH ครองตำแหน่ง แอปสินทรัพย์ดิจิทัลที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในไทย ด้วยส่วนแบ่งเฉลี่ย 40% ในเดือนตุลาคม และเคยแตะระดับสูงสุดที่ 60% ในเดือนสิงหาคม สะท้อนแรงเชื่อมั่นของนักลงทุนไทยที่มีต่อแพลตฟอร์มอย่างชัดเจน
คุณนิรันดร์ระบุว่า ความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากการเดินหน้าตาม 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
1. Best-in-Class Platform ยกระดับฟีเจอร์และนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง
2. Focus on Users ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยและพร้อมดูแลผู้ใช้ทุกกรณี
3. Community & Education เดินหน้าสร้างความรู้และเติบโตไปพร้อมนักลงทุนไทย


เหมือน “ซูเปอร์มาร์เก็ตคริปโทฯ” – มีเหรียญมากที่สุดกว่า 400 รายการ
Binance TH ยกระดับแพลตฟอร์มให้เหมือน “ซูเปอร์มาร์เก็ตคริปโทฯ” ที่มีเหรียญให้เลือกมากที่สุดในไทยกว่า 400 รายการ ตอบโจทย์ผู้ใช้ทุกระดับ หนึ่งในไฮไลท์ล่าสุดคือการเปิดตัว APEX Tokens ซึ่งเป็นกลุ่มเหรียญมาร์เก็ตแคปเล็ก มีโอกาสเติบโตสูง เช่น Zora แพลตฟอร์ม Social On-chain บน Base ที่เปลี่ยนคอนเทนต์เป็นโทเค็นซื้อขายได้ทันที พร้อมโมเดลรายได้ให้ครีเอเตอร์และผู้แนะนำ
เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ – Easy Transfer และโฉมใหม่ของ Home Screen
ปีนี้ Binance TH เดินหน้าเปิดตัวฟีเจอร์สำคัญหลายรายการ โดยไฮไลต์แรกคือ Easy Transfer ระบบโอนเงินที่ใช้งานง่ายและปลอดภัย เพียงใช้ UID / อีเมล / เบอร์โทรศัพท์ ก็สามารถโอนย้ายสินทรัพย์ได้ทันที ลดขั้นตอนยุ่งยากและเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้อย่างมาก
อีกหนึ่งอัปเกรดสำคัญคือ Home Screen โฉมใหม่ ที่รวบรวมข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์ พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์กระแสความสนใจ (Market Sentiment) ด้วย AI รวมถึง Daily Insight ที่คัดสรุปข้อมูลสำคัญส่งตรงถึงผู้ใช้ทุกเย็น ช่วยให้ติดตามข่าวสารและทิศทางตลาดได้ครบถ้วนในหน้าเดียว
นอกจากนี้ Binance TH ยังนำ AI มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลผ่าน Spot Highlight ซึ่งประมวลกระแสบนโซเชียลมีเดียเพื่อสะท้อน Sentiment ของแต่ละเหรียญ โดยเชื่อมต่อถึงหน้าซื้อขายทันที ช่วยให้ผู้ใช้งานก้าวจากการหาข้อมูลไปสู่การตัดสินใจลงทุนได้อย่าง ไร้รอยต่อ
ระบบเสถียร ไม่เคยล่ม – ความปลอดภัยระดับโลก
Binance TH ยืนยันว่าใช้โครงสร้างพื้นฐานเดียวกับ Binance Global ทำให้ระบบไม่เคยล่มแม้แต่วันเดียว ระบบความปลอดภัยระดับสูง เช่น Passkey, Face Scan Withdrawal ไม่เคยเกิดเหตุข้อมูลลูกค้ารั่วไหลหรือโดนแฮกตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ Token Rewards สำหรับผู้ถือ BNB ได้มอบรางวัลไปแล้วกว่า 47 เหรียญ ให้ผู้ใช้งานกว่า 100,000 ราย รวมมูลค่ากว่า 35,000 ล้านบาท
เดินหน้าด้านการศึกษา – จับมือธรรมศาสตร์ และพันธมิตรภาคการเงิน
ในด้านการยกระดับความรู้ Binance TH ลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อพัฒนาหลักสูตรบล็อกเชนให้คนรุ่นใหม่ รวมถึงจัดกิจกรรม Crypto 101 กับพันธมิตรสถาบันการเงิน เพื่อเชื่อมโลกการเงินดั้งเดิมกับสินทรัพย์ดิจิทัล
ประกาศความร่วมมือกับ Bitazza – Maxbit – Brooker Group
อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่สำคัญ เพื่อเพิ่มการเชื่อมต่อในตลาดและส่งเสริมการยอมรับคริปโทฯ คือการประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Bitazza, Maxbit และ The Brooker Group ความร่วมมือเหล่านี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานของตลาด การปรับปรุงสภาพคล่องของสินทรัพย์ และการขยายโอกาสเข้าถึงการศึกษาด้านสินทรัพย์ดิจิทัลคุณภาพสูงสำหรับกลุ่มนักลงทุนที่มีความมั่งคั่งสูง (High Net Worth) ความร่วมมือเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ BINANCE TH ที่จะสร้างการเติบโตของอีโคซิสเต็มสินทรัพย์ดิจิทัลของไทยร่วมกัน


มองตลาดปี 2026 – ยุค Stablecoins และ RWA ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมคริปโทฯ
ปี 2026 กำลังจะเป็นหมุดหมายสำคัญของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล โดย ดร.กร พูนศิริวงศ์ประธานเจ้าหน้าที่กลยุทธ์ของ Binance TH ได้ฉายภาพ 3 ปัจจัยหลักที่จะผลักดันการเติบโตของตลาดในปีหน้าอย่างมีนัยสำคัญ
1. กฎเกณฑ์กำกับดูแลที่ชัดเจนขึ้นในไทย
ความคืบหน้าทางกฎหมายจะช่วยเสริมความเชื่อมั่นทั้งต่อผู้ใช้งานรายย่อยและผู้เล่นระดับสถาบัน ทำให้อุตสาหกรรมเดินหน้าได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น
2. การเข้าสู่ตลาดของสถาบันการเงินและผู้เล่นกระแสหลัก
เม็ดเงินจากสถาบันจะเข้ามาสร้างสภาพคล่องในระบบ ขยายฐานผู้ใช้งาน และยกระดับอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างเป็นระบบ
3. กระแสโตแรงของ Stablecoins, Tokenization และ Real-World Assets (RWA)
การนำสินทรัพย์ในโลกจริงมาอยู่บนบล็อกเชน รวมถึงการใช้งาน Stablecoins ในวงกว้าง จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลเข้าใกล้ชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น
ดร.กร สรุปว่า ปี 2026 จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ ที่สินทรัพย์ดิจิทัลจะก้าวจาก “เครื่องมือการลงทุน” ไปสู่ “การใช้งานจริง” ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงิน การโอนเงินข้ามประเทศ หรือการแลกเปลี่ยนมูลค่ากับระบบการเงินดั้งเดิมอย่างไร้รอยต่อ พร้อมย้ำว่า Binance TH มีความพร้อมในการเป็นผู้นำพาไทยเข้าสู่ยุคใหม่ของการเงินดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

มุมมองราคาบิตคอยน์ – อยู่ในโซน Oversold มีโอกาสรีบาวน์
สำหรับแนวโน้มราคาบิตคอยน์ที่ปรับลดลง นิรันดร์มองว่าตลาดกำลังอยู่ท่ามกลางแรงกดดัน 2 ฝั่ง ได้แก่
- ผู้ที่เชื่อใน 4-year Cycle ทำให้เกิดแรงขาย
- นักลงทุนสถาบันที่มองหาโอกาสเข้าซื้อ
หลายอินดิเคเตอร์ชี้ว่าบิตคอยน์อยู่ใน “โซน Oversold” และคาดว่าน่าจะเห็นการรีบาวน์ปลายปี–ต้นปี ขึ้นกับปัจจัยดอกเบี้ย สงคราม และนโยบายเศรษฐกิจโลก
ดอกเบี้ยเฟด – ปัจจัยผลักดันสินทรัพย์เสี่ยง
นิรันดร์ย้ำว่า หากเฟดเข้าสู่รอบ ลดดอกเบี้ย จะเป็นปัจจัยหนุนสินทรัพย์เสี่ยงโดยตรงประธานเฟดคนใหม่มีแนวโน้มเป็นสาย “Dovish” ซึ่งสนับสนุนการลดดอกเบี้ยจึงเป็นบวกต่อบิตคอยน์ในระยะกลาง
ทั้งนี้ Binance TH จะเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและเสริมสร้างระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลไทยอย่างต่อเนื่อง



