ท้องทุ่งนาข้าวที่กำลังออกรวง และพร้อมให้เก็บเกี่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม จัดเป็นหนึ่งในผลผลิตที่สร้างรายได้ให้กับชาวนาเชียงใหม่มาอย่างยาวนาน
โดยจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญ มีพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมดกว่า กว่า 5 แสนไร่ แต่ปัจจุบันชาวนาประสบปัญหา ราคาข้าวตกต่ำ และต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น โดยมีราคารับซื้อข้าวไม่เกิน กิโลกรัมละ 7 บาทเท่านั้น
จำรัส ลุมมา ชาวนาอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มชาวนาได้รับความเดือดร้อนจากราคาผลผลิตตกต่ำ โดยเฉพาะราคาข้าว ที่ชาวนาแบกรับต้นทุนการทำนาที่สูงขึ้นจากในอดีตเป็นอย่างมาก

“ข้าวกำลังจะเก็บเกี่ยวแล้ว แต่ราคาขายตกตันละ 7,000 บาท ถือว่าถูกมาก ถ้าเทียบว่าชาวนาต้องแบกรับภาระต้นทุนค่าปุ๋ยค่ายา ที่มีต้นทุนการผลิตประมาณ ตันละ 6000 บาท ราคานี้ยังไม่รวมค่าจ้างรถเกี่ยวข้าวโม่ข้าว ซึ่งราคาข้าวที่เป็นอยู่ปัจจุบันนั้นถือว่าถูกมาก ถ้าหากว่าราคานี้ชาวนาจะขาดทุนอย่างแน่นอน ถ้าเทียบกับภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้”
“สินค้าอุปโภคบริโภคแพงขึ้น แต่ราคาข้าวยังถูก ทำให้ชาวนาหลายรายเริ่มท้อเพราะข้าวราคาถูกกว่ามาม่า 1 ซอง บางคนถึงกับเลิกทำนา และยอมขายที่นาให้นายทุนทำบ้านจัดสรรแทน จึงอยากวิงวอนขอให้ทางภาครัฐช่วยพยุงราคาข้าวให้อยู่ที่ตันละ 10,000 บาท ชาวนาภาคเหนือ ก็พอจะลืมตาอ้าปากได้”

ประสิทธิ์ บุญสม ชาวนา อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ปัญหาราคาข้าวตกต่ำเป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวนาต้องเข้ายื่นร้องเรียนถึงรัฐบาลผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในการแก้ไขปัญหา แต่จากปัญหาการเมืองในปัจจุบัน การเปลี่ยนขั้วรัฐบาล และการโยกย้ายข้าราชการท้องถิ่น ส่งผลกระทบถึงการแก้ปัญหาโดยตรงของคนในพื้นที่
“จะแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรได้ มีอยู่ 4 ส่วน 1.ตัวเกษตรกร 2.วิธีการผลิต 3.ปัจจัยการผลิต 4.การตลาด โดยภาครัฐจะคุมแค่ตัวเกษตรกร และวิธีการผลิต ซึ่งปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรถ้าจะแก้ได้ ต้องให้เกษตรกรเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย แต่ปัญหาคือภาครัฐไม่เข้าใจระบบของเกษตรกร ตั้งแต่วิธีการผลิตจนถึงการขาย เพราะไม่ได้ข้อมูลจากเกษตรกรตัวจริง”
“การโยกย้ายข้าราชการท้องถิ่น ก็ทำให้การแก้ปัญหาอย่างยืนและไม่ต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลกระทบกับเกษตรกรโดยตรง จึงทำให้ที่ผ่านมาแม้มีการเรียกร้องมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยแก้ปัญหาเรื่องของราคาข้าวตกต่ำได้แม้แต่ครั้งเดียว”

ณัฐพร มหาไพบูลย์ พานิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า ปัจจุบันราคาในตลาดข้าวนาปีอยู่ที่กิโลกรัม 7 บาท และได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มชาวนา ซึ่งสรุปข้อมูลส่งไปถึงรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลพยุงราคาข้าวอยู่ที่กิโลกรัมละ 10 บาท
“การประสานผู้ประกอบการโรงสีนอกพื้นที่รับซื้อข้าวเปลือกของชาวนาในจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงฤดูการที่ข้าวจะออกผลผลิตสู่ท้องตลาด เนื่องจากขณะนี้ข้าวของจังหวัดเชียงใหม่ กำลังออกสู่ท้องตลาดประมาณร้อยละ 5 ซึ่งช่วงที่ผลผลิตจะออกมากที่สุดคือช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม ดังนั้นช่วงนี้จึงจะมีเวลาประสานขับเคลื่อนได้ทันอยู่ และทางพานิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ก็จะเร่งประสานงานให้ทันที เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของชาวนาในพื้นที่”
ข้อมูลจากสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ พบว่า ในปี 2568 จังหวัดเชียงใหม่มีเกษตรกรที่ทำนาทั้งหมด 75,697 ครัวเรือน มีพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมด 514,497 ไร่
โดยคาดการณ์ผลผลิต 318,380.97 ตัน ,ข้าวเหนียว 187,914.32 ตัน ,ข้าวเจ้า 127,117.84 ตัน ,ข้าวหอมมะลิ 3,348.81 ตัน



