วันจันทร์ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ขัดข้องครั้งใหญ่ของระบบคลาวด์อเมซอนเว็บเซอร์วิส (AWS) ส่งผลให้บริการออนไลน์ยอดนิยมจำนวนมากทั่วโลกหยุดให้บริการเป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยได้รับผลกระทบตั้งแต่แพลตฟอร์มสตรีมมิง แอปพลิเคชันการส่งข้อความ ไปจนถึงธนาคารหลายแห่ง
บริการที่ได้รับผลกระทบ
แพลตฟอร์มสตรีมมิงชื่อดังอย่าง Prime Video ของอเมซอนเอง รวมถึง Disney+ ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ นอกจากนี้ยังมีบริการอื่น ๆ เช่น Perplexity AI, เกม Fortnite, Airbnb, Snapchat และ Duolingo ที่หยุดให้บริการชั่วคราว
บริการโทรศัพท์มือถือและแอปพลิเคชันการส่งข้อความอย่าง Signal และ WhatsApp ในภูมิภาคยุโรปก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ตามรายงานของ Downdetector เว็บไซต์ที่ติดตามปัญหาอินเทอร์เน็ต ธนาคารในสหราชอาณาจักรเช่น Lloyd's ก็ประสบปัญหาเหล่านี้และชี้ชัดว่าสาเหตุมาจาก AWS
สาเหตุและการแก้ไข
AWS ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์เกือบหนึ่งในสามของโลก และให้บริการแอปพลิเคชันและเว็บไซต์หลายล้านแห่งทั่วโลก ระบุว่าทีมวิศวกรเริ่มตรวจพบปัญหา "อัตราข้อผิดพลาดที่เพิ่มขึ้น" ในบริการหลายรายการตั้งแต่เวลา 07:11 GMT
ปัญหาเกิดจากระบบ DNS (Domain Name System) ในเขตโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ US-East-1 ที่รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา แม้ AWS จะแก้ไขปัญหา DNS ได้สำเร็จเวลา 10:30 GMT แต่ก็เกิดคำขอที่ค้างระบบจำนวนมหาศาลที่ต้องประมวลผลต่อ
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจดิจิทัล
นักวิเคราะห์การเงิน ไมเคิล ฮิวสัน กล่าวว่าเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า เราทุกคนพึ่งพาบริษัทอย่างอเมซอน Microsoft และ Alphabet มากแค่ไหนสำหรับบริการออนไลน์ที่เราใช้ประจำ และเปรียบเทียบว่า เหมือนกับการใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว
บทเรียนจากเหตุการณ์ล่าสุด
นักวิเคราะห์ไซเบอร์อิสระ ริเมช พาเทล แสดงความเห็นว่าเหตุการณ์นี้เน้นย้ำความเป็นจริงที่สดใส คือ การดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการสำคัญรายเดียวในภูมิภาคหนึ่งสามารถขยายผลเป็นความไม่เสถียรในระดับโลกได้
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการเตือนใจอีกครั้งหลังจากเดือนกรกฎาคม 2024 ที่ระบบออนไลน์ทั่วโลกขัดข้องจากการอัปเดตซอฟต์แวร์ผิดพลาดของบริษัท CrowdStrike ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์กว่า 8.5 ล้านเครื่องตาม Microsoft


