คดีเหมืองทองอัครา ‘ปิดฉาก’ ไทย-คิงส์เกตยุติพิพาท 8 ปี

27 พ.ย. 2568 - 11:03

  • คิงส์เกต-รัฐบาลไทย บรรลุข้อตกลงยุติคดีเหมืองทองอัครา ภายใต้ข้อตกลง TAFTA โดยไม่มีคำชี้ขาด

  • คิงส์เกตเผยสัมพันธ์กับไทย ‘สดชื่นขึ้น’ พร้อมเดินหน้าพัฒนาเหมืองชาตรี

  • ชี้เป็นสัญญาณบวกต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน-ความร่วมมือระยะยาว

คดีเหมืองทองอัครา ‘ปิดฉาก’ ไทย-คิงส์เกตยุติพิพาท 8 ปี

คดีพิพาท ‘เหมืองทองอัครา’ ปิดฉากลง หลังยืดเยื้อนาน 8 ปี
โดยคิงส์เกต-รัฐบาลไทย บรรลุข้อตกลงยุติข้อพิพาท TAFTA อย่างเป็นทางการ

หลังข้อพิพาทยืดเยื้อมากว่า 8 ปี นับจากรัฐบาลไทยที่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่งปิดเหมืองทองอัคราเมื่อปี 2560 ล่าสุด บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด (Kingsgate Consolidated Limited) ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส ประกาศยุติกระบวนพิจารณาต่ออนุญาโตตุลาการภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย–ออสเตรเลีย (TAFTA) อย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 ทางคิงส์เกตฯ ได้เผยแพร่ประกาศบนเว็บไซต์ ระบุว่า บริษัทและรัฐบาลไทยได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันเพื่อยุติการฟ้องร้องโดย “ไม่มีคำชี้ขาด” ขณะที่คณะอนุญาโตตุลาการรับทราบการตกลงของทั้งสองฝ่าย และเตรียมออกคำสั่งยุติคดีตามขั้นตอน

ในเอกสารดังกล่าว คิงส์เกตฯ ระบุว่าการยุติข้อพิพาทครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังการหารือร่วมกับฝ่ายไทย และถือเป็น “สัญญาณบวกของความสัมพันธ์ที่สดใหม่” ระหว่างบริษัทกับรัฐบาลไทย โดยคาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้ถือหุ้น ชุมชนโดยรอบ ไปจนถึงภาคธุรกิจเหมืองแร่ของประเทศ

บริษัทฯ ยังยืนยันว่า คณะกรรมการได้พิจารณาข้อตกลงดังกล่าวอย่างรอบคอบ มองว่าเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสร้างมูลค่าระยะยาวทั้งต่อผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงประเทศไทยและชุมชนพื้นที่เหมืองชาตรี

ด้าน เจมี่ กิบสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของคิงส์เกตฯ ระบุว่า การยุติข้อพิพาทครั้งนี้ถือเป็น “ช่วงเวลาประวัติศาสตร์” สำหรับการลงทุนในเหมืองชาตรี พร้อมหวังว่าจะได้ร่วมงานกับรัฐบาลไทยอย่างสร้างสรรค์ และเชื่อว่าความร่วมมือครั้งใหม่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยและภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศ

การปิดฉากข้อพิพาทยืดเยื้อครั้งนี้ จึงนับเป็นก้าวสำคัญของทั้งสองฝ่าย และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมเหมืองแร่ไทยในรอบหลายปีที่ผ่านมา

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์